เศรษฐกิจไทย จะไม่มีวันกลับมาเหมือนเดิม ถ้าการท่องเที่ยวไม่ฟื้น /โดย ลงทุนแมน
เป็นเวลาเกือบ 2 ปีแล้ว ที่โควิด 19 สร้างปัญหาให้กับเศรษฐกิจโลก
หลายอุตสาหกรรมได้รับผลกระทบอย่างหนัก
โดยเฉพาะอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ที่มาจนถึงวันนี้ยังไม่มีทีท่าว่าจะกลับไปเหมือนเดิมได้ง่าย ๆ
สำหรับภาคการท่องเที่ยวของไทยนั้น
แม้ว่าหลายฝ่ายจะพยายามกระตุ้นให้ผู้คนกลับมาท่องเที่ยว แต่คงยังไม่มีใครสามารถบอกได้ชัดว่า สถานการณ์จะกลับไปในระดับเดิม ก่อนวิกฤติครั้งนี้ ได้เมื่อไร
คำถามก็คือ แล้วมีแนวทางอะไรบ้าง ที่จะทำให้การท่องเที่ยวของไทย กลับมาเหมือนเดิม
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
เพื่อให้เห็นภาพรวมกันชัด ๆ เราลองมาดูภาพรวมการเติบโตของอุตสาหกรรมท่องเที่ยว
ผ่านจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ก่อนที่จะเกิดการระบาดของโควิด 19
ปี 2009 จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ 14 ล้านคน
รายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติประมาณ 0.5 ล้านล้านบาท
ปี 2019 จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ 40 ล้านคน
รายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติประมาณ 1.9 ล้านล้านบาท
เราจะเห็นว่า จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติปี 2019 คิดเป็นเกือบ 3 เท่า ของปี 2009 ขณะที่รายได้ก็คิดเป็นเกือบ 4 เท่า
ตัวเลขเหล่านี้สะท้อนได้ว่า อุตสาหกรรมท่องเที่ยวของไทยช่วงที่ผ่านมา มีความสำคัญต่อเศรษฐกิจไทยมากขึ้นมาเรื่อย ๆ
และถ้าลองมาดูสัดส่วนรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติ เทียบ GDP ของไทย
- ปี 2009 สัดส่วนรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติ คิดเป็นประมาณ 6% ของ GDP ไทย
- ปี 2019 สัดส่วนรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติ คิดเป็นประมาณ 11% ของ GDP ไทย
อุตสาหกรรมท่องเที่ยวที่เติบโต ยังทำให้มีการจ้างงานในภาคนี้รวมกันกว่า 7.5 ล้านคน หรือประมาณ 20% ของแรงงานในระบบ
ซึ่งแรงงานดังกล่าวเกี่ยวข้องกับธุรกิจจำนวนมาก เช่น โรงแรม, ร้านอาหาร, ร้านขายของที่ระลึก, ร้านสปาและนวด, การขนส่ง
โดยปัจจัยสำคัญที่ทำให้อุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยในช่วงที่ผ่านมาเติบโตได้ดี ก็มีหลายปัจจัย เช่น
- รายได้ที่เพิ่มขึ้นของชนชั้นกลางในจีนและอินเดีย และความนิยมเดินทางไปเที่ยวต่างประเทศ ซึ่งมีไทยเป็นหนึ่งในจุดหมาย
- สถานที่ท่องเที่ยวของไทยที่มีชื่อเสียงในสายตาของนักท่องเที่ยวต่างชาติ
อย่างไรก็ตาม แม้อุตสาหกรรมท่องเที่ยวจะเติบโตอย่างต่อเนื่อง จนกลายมาเป็นหนึ่งในเครื่องยนต์สำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย แต่อีกมุมหนึ่งก็ยังมีความท้าทายบางอย่างซ่อนอยู่ เช่น
- ไทยพึ่งพานักท่องเที่ยวหลักไม่กี่สัญชาติ
ในปี 2019 ประมาณ 28% ของจำนวนนักท่องเที่ยวทั้งหมดเป็นชาวจีน ซึ่งการพึ่งพานักท่องเที่ยวชาติใดชาติหนึ่งมากเกินไป ก็ทำให้เกิดความเสี่ยงมากขึ้นได้
โดยเฉพาะเมื่อเกิดเหตุการณ์ที่มากระทบกับนักท่องเที่ยวกลุ่มดังกล่าว เช่น อุบัติเหตุเรือล่ม และการปราบทัวร์ศูนย์เหรียญ ส่งผลให้จำนวนนักท่องเที่ยวจีนลดลงในช่วงเวลานั้น และกระทบกับรายได้การท่องเที่ยวของไทยไม่น้อย
- แหล่งท่องเที่ยวกระจุกตัวอยู่ไม่กี่แห่ง ไม่กี่จังหวัด
ในปี 2018 กรุงเทพมหานคร ชลบุรี และภูเก็ต 3 จังหวัดนี้มีรายได้จากการท่องเที่ยวรวมกัน คิดเป็น 65% ของรายได้จากภาคการท่องเที่ยวทั้งประเทศ สะท้อนได้ว่า รายได้จากการท่องเที่ยวของไทย ยังกระจุกตัวอยู่ในบางพื้นที่เท่านั้น
- การเติบโตของรายได้จากภาคการท่องเที่ยว มีน้ำหนักไปที่จำนวนนักท่องเที่ยว มากกว่าด้านราคา
มากกว่า 85% ของนักท่องเที่ยวเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวรายได้ปานกลางถึงต่ำ และเพียง 15% เป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวรายได้สูง หรือพูดง่าย ๆ ว่า การเติบโตของรายได้ภาคการท่องเที่ยวของไทยนั้น “เน้นปริมาณมากกว่าคุณภาพ”
- ขีดจำกัดทางด้านโครงสร้างพื้นฐานและแหล่งท่องเที่ยว
อ้างอิงสถิติจากธนาคารแห่งประเทศไทย แม้ว่าประเทศไทยจะมีการลงทุนปรับปรุงสถานที่ท่องเที่ยวและระบบการคมนาคม เพื่อสนับสนุนการท่องเที่ยวกว่า 13% ของรายได้จากการท่องเที่ยว
แต่ตัวเลขนี้ก็ยังถือว่าน้อยกว่า ฟิลิปปินส์และมาเลเซียที่มีสัดส่วนที่ 21% และ 27% ตามลำดับ
แม้หลายคนจะรับรู้ปัญหาที่ว่ามานี้ แต่เนื่องจากรายได้จากการท่องเที่ยวในภาพรวมยังเติบโต ทำให้หลายคนอาจมองข้ามปัญหาเหล่านี้ไป
จนกระทั่งการแพร่ระบาดของโควิด 19 ที่ส่งผลให้จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเกือบทั้งหมด ไม่สามารถเดินทางมาไทยได้
ในปี 2020 นักท่องเที่ยวต่างชาติลดลงเหลือเพียง 6.7 ล้านคน
ขณะที่ 7 เดือนแรกของปี 2021 ตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติอยู่ที่ประมาณ 58,000 คน ซึ่งถือว่าน้อยมาก
คำถามคือ จากปัญหาเหล่านี้ที่เราเห็น ถ้าอยากให้อนาคตการท่องเที่ยวไทยฟื้นตัวกลับมา และเติบโตได้อย่างยั่งยืนมากขึ้น จะมีแนวทางไหนบ้าง ?
แนวทางเบื้องต้นที่น่าจะช่วยได้ก็อย่างเช่น
- เน้นดึงดูดกลุ่มนักท่องเที่ยวรายได้สูงให้มากขึ้น
อ้างอิงจากผลสำรวจของธนาคารแห่งประเทศไทยร่วมกับ Visa ปี 2019 ค่าใช้จ่ายต่อหัวของนักท่องเที่ยวที่มาประเทศไทยอยู่ที่เฉลี่ยคนละ 48,000 บาท
ซึ่งถ้าเรามองว่า จำนวนนักท่องเที่ยวจะยังไม่กลับมาในระดับเดิม เช่น จากที่เคยมากถึง 40 ล้านคน อาจเหลือเพียง 24 ล้านคน ในช่วงหนึ่งถึงสองปีข้างหน้า
หากลองสมมติว่า ประเทศไทยยังต้องการรายได้จากการท่องเที่ยวเท่าเดิมที่ 1.9 ล้านล้านบาท สิ่งที่ต้องทำก็คือ ต้องเพิ่มค่าใช้จ่ายต่อหัวของนักท่องเที่ยวให้อยู่ที่เฉลี่ยคนละ 80,000 บาท
โดยวิธีที่จะเพิ่มรายได้ต่อหัวของนักท่องเที่ยวได้ ก็อย่างเช่น
อาจต้องหันมาเน้นกลุ่มนักท่องเที่ยวรายได้สูง เช่น กลุ่ม Medical & Wellness Tourism ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีค่าใช้จ่ายต่อทริปสูงถึงประมาณเฉลี่ย 80,000-120,000 บาทต่อคน
รวมไปถึงต้องพยายามดึงดูดกลุ่มนักลงทุน และพนักงานต่างชาติที่เข้ามาทำงานในเมืองไทย ซึ่งนับเป็นอีกกลุ่มศักยภาพที่ใช้จ่ายสูง
- ช่วยกระตุ้นการท่องเที่ยวเมืองรอง และกระตุ้นให้มีการท่องเที่ยวตลอดทั้งปี
ประเทศไทยควรลงทุนในระบบสาธารณูปโภค โครงสร้างพื้นฐาน สำหรับเชื่อมระหว่างเมืองหลักและเมืองรอง เพื่ออำนวยความสะดวกแก่นักท่องเที่ยว ให้สามารถเดินทางไปแหล่งท่องเที่ยวให้มากกว่าเดิม
และพยายามกระตุ้นการท่องเที่ยวให้ไม่จำกัดเพียงแค่ช่วงฤดูท่องเที่ยว ซึ่งไม่เพียงแต่จะช่วยกระจายรายได้ไปยังจังหวัดอื่น ๆ แต่ยังช่วยลดความแออัดของนักท่องเที่ยวในเมืองหลักในยามที่นักท่องเที่ยวเริ่มกลับมา
แน่นอนว่ายังมีสิ่งอื่น ๆ อีกมากที่จำเป็นต้องเร่งพัฒนา และยกระดับเพื่อให้อุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยเติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต
ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาแรงงานที่อยู่ในภาคอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ให้มีทักษะการสื่อสาร การใช้เทคโนโลยี ที่สามารถอำนวยความสะดวกแก่นักท่องเที่ยวต่างชาติมากขึ้น
รวมไปถึงการที่ภาครัฐต้องสร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยเฉพาะด้านความปลอดภัย
สร้างจิตสำนึกไม่ให้เอาเปรียบนักท่องเที่ยวต่างชาติ พร้อมทั้งจัดการผู้ที่ทำผิดและฝ่าฝืนกฎระเบียบจนสร้างความเสียหายให้แก่ภาพลักษณ์การท่องเที่ยวของประเทศไทยในสายตาของนักท่องเที่ยวต่างชาติ
อีกเรื่องที่สำคัญที่สุดในตอนนี้ ก็คงไม่พ้น
การสร้างภูมิคุ้มกันโดยการฉีดวัคซีนให้ครอบคลุมประชากรมากที่สุด
และต้องประเมินการเปิดประเทศและกิจกรรมทางเศรษฐกิจให้ดี
เพราะสุดท้ายแล้ว คงต้องยอมรับว่า เศรษฐกิจไทยจะไม่มีวันกลับมาเหมือนเดิมได้ ถ้าการท่องเที่ยว ไม่ฟื้นตัวกลับมา..
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - facebook.com/longtunman
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
Line - page.line.me/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
Spotify - open.spotify.com/show/4jz0qVn1AL7tRMHiTvMbZH
Apple Podcasts - podcasts.apple.com/th/podcast/ลงท-นแมน/id1543162829
Soundcloud - soundcloud.com/longtunman
References:
-https://www.mots.go.th/more_news_new.php?cid=411
-https://www.bot.or.th/Thai/ResearchAndPublications/articles/Pages/Article_29Oct2019.aspx
-https://data.worldbank.org/indicator/NY.GDP.MKTP.CD?locations=TH
-https://www.bot.or.th/Thai/MonetaryPolicy/EconomicConditions/AAA/27062021_RevitalisingThailandTourism.pdf
-https://en.wikipedia.org/wiki/Tourism_in_Thailand
-https://www.bot.or.th/Thai/ResearchAndPublications/articles/Pages/Article_18Aug2021.aspx
同時也有2部Youtube影片,追蹤數超過69萬的網紅Motobigbike Thailand,也在其Youtube影片中提到,#ปาเฮ่าเถียนมี่ #เยาวราช ขี่ XMax หาของกินเยาวราช...เจอ FC ในร้านปา เฮ่า เถียน มี่!! Facebook พี่หริ ► https://www.facebook.com/sirichai.rhi Insta...
「กลุ่ม ร้านอาหาร facebook」的推薦目錄:
- 關於กลุ่ม ร้านอาหาร facebook 在 ลงทุนแมน Facebook 的最佳貼文
- 關於กลุ่ม ร้านอาหาร facebook 在 ลงทุนแมน Facebook 的最佳解答
- 關於กลุ่ม ร้านอาหาร facebook 在 หนมจีน•ณ•ภูเก็ต สาขาสุราษฏร์ธานี Facebook 的最佳貼文
- 關於กลุ่ม ร้านอาหาร facebook 在 Motobigbike Thailand Youtube 的最佳貼文
- 關於กลุ่ม ร้านอาหาร facebook 在 AR Channel Youtube 的精選貼文
- 關於กลุ่ม ร้านอาหาร facebook 在 กลุ่ม ตามรอยตำนานร้านดัง 的評價
- 關於กลุ่ม ร้านอาหาร facebook 在 กลุ่ม ตามรอยตำนานร้านดัง 的評價
- 關於กลุ่ม ร้านอาหาร facebook 在 หากลุ่มขายของกินใน facebook 的評價
- 關於กลุ่ม ร้านอาหาร facebook 在 เปิด Facebook สำหรับธุรกิจร้านอาหาร 的評價
- 關於กลุ่ม ร้านอาหาร facebook 在 5 แนวทางปลุกพลังเฟซบุ๊กแฟนเพจร้านอาหารให้ทำเงิน 的評價
- 關於กลุ่ม ร้านอาหาร facebook 在 เพิ่มฐานลูกค้าได้ง่ายๆ เพียงโปรโมทร้านอาหารผ่าน Facebook ให้ถูกวิธี 的評價
- 關於กลุ่ม ร้านอาหาร facebook 在 เทคนิคกลุ่มเป้าหมาย FB เลือกอย่างไรให้ตรงกลุ่ม ยิงแอดสร้างยอด ... 的評價
- 關於กลุ่ม ร้านอาหาร facebook 在 How-to ทำเพจร้านอาหาร Facebook ให้เตะตาและต้องใจในปี ... 的評價
- 關於กลุ่ม ร้านอาหาร facebook 在 ขายดีหัวกระไดไม่แห้ง! เรียกลูกค้าใหม่ด้วย Facebook กระตุ้น ... 的評價
- 關於กลุ่ม ร้านอาหาร facebook 在 โปรโมทร้านให้เข้าถึงลูกค้า! วิธี โฆษณาร้านอาหารผ่าน Facebook 的評價
- 關於กลุ่ม ร้านอาหาร facebook 在 ยิงแอดโฆษณา facebook ร้านอาหาร คาเฟ่ แบบง่ายๆ - YouTube 的評價
- 關於กลุ่ม ร้านอาหาร facebook 在 ยิงแอดโฆษณา facebook ร้านอาหาร คาเฟ่ แบบง่ายๆ - YouTube 的評價
- 關於กลุ่ม ร้านอาหาร facebook 在 Remarketing: Facebook Ads หนึ่งเดียวที่จำเป็นสำหรับร้าน ... 的評價
- 關於กลุ่ม ร้านอาหาร facebook 在 ฟีเจอร์ใหม่ Facebook พร้อมให้คุณสร้างโปรไฟล์เสริม ตอบโจทย์ ... 的評價
- 關於กลุ่ม ร้านอาหาร facebook 在 คลาสสิครัมมี่ facebookคา ร่า V4.0.18 的評價
- 關於กลุ่ม ร้านอาหาร facebook 在 กินบ้าง อดบ้าง สุขภาพดี ไม่มีป่วย - 第 2 頁 - Google 圖書結果 的評價
กลุ่ม ร้านอาหาร facebook 在 ลงทุนแมน Facebook 的最佳解答
สรุปประเด็นจากกองทุนบัวหลวง “กางกลยุทธ์ พิชิตหุ้นสหรัฐฯ”
BBLAM x ลงทุนแมน
ช่วงเวลาที่ผ่านมา คงไม่มีตลาดหุ้นไหนสามารถทำผลงานได้โดดเด่น อย่างตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกา
ที่ทำให้นักลงทุนสัมผัสได้ถึงความร้อนแรง จนเกิดคำถามว่า หลังจากนี้ โอกาสของหุ้นสหรัฐอเมริกาจะเป็นอย่างไร ?
เมื่อวันที่ 18 สิงหาคมที่ผ่านมา ลงทุนแมน ร่วมพูดคุยกับ 2 ผู้เชี่ยวชาญจากกองทุนบัวหลวง
คือ คุณพูนสิน เพ่งสมบูรณ์ AVP, Portfolio Solutions
และ คุณนวรัตน์ เจียมกิจรุ่ง SVP, Product Development
ถึงประเด็นสำคัญในการลงทุนหุ้นสหรัฐอเมริกาในช่วงเวลานี้
เรื่องราวสำคัญที่นักลงทุนควรรู้ จะมีอะไรบ้างนั้น ?
ลงทุนแมนจะสรุปให้ฟังเป็นข้อ ๆ แบบเข้าใจง่าย
1. ภาพรวมของเศรษฐกิจและตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกา ?
ความร้อนแรงของตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกาในช่วงที่ผ่านมา เป็นผลมาจาก 2 ปัจจัยหลัก คือ
- นโยบายการเงินการคลัง ที่สามารถส่งต่อไปยังภาคธุรกิจ และภาคการบริโภคได้จริง
- การกลับมาของภาคธุรกิจ ทั้งจากกลุ่มธุรกิจที่เติบโต และกลุ่มธุรกิจที่ฟื้นตัวจากปีก่อน
ประเด็นที่ต้องจับตาต่อจากนี้คือ เศรษฐกิจสหรัฐอเมริกากำลังเข้าสู่ช่วง Mid Cycle ซึ่งแปลว่า เราอาจจะไม่ได้เห็นการปรับตัวขึ้นแรง ๆ ของตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกาเหมือนในช่วงที่ผ่านมา
ดังนั้น กลยุทธ์การลงทุนจากนี้ไป จึงต้องมีการคัดเลือกหุ้นรายตัว รายกลุ่มอุตสาหกรรมให้มากขึ้น
2. ความน่าสนใจของตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกา อยู่ที่ตรงไหน ?
ย้อนกลับไปช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา สหรัฐอเมริกาพบปัญหาระหว่างทางมาโดยตลอด
ไม่ว่าจะเป็น สงครามการค้ากับจีน หรือผลกระทบจากวิกฤติโควิด 19 ประกอบกับการเติบโตของตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกาที่เริ่มตั้งแต่ปี 2009 ก็ดูเหมือนจะจบรอบไปแล้วในปีที่ผ่านมา
ถ้าดูตัวเลข GDP ไตรมาส 2 ปี 2020 ออกมา -30% แต่ที่น่าสนใจก็คือ สหรัฐอเมริกาฟื้นตัวกลับมาได้ค่อนข้างเร็ว โดยเห็นได้จาก GDP ไตรมาส 3 ปี 2020 ปรับตัวขึ้นกลายเป็น +33%
และถ้าหากสังเกตดัชนี S&P 500 ก็ยิ่งฟื้นตัวแรงไม่แพ้กัน
โดยใช้เวลาฟื้นตัวจากวิกฤติโควิด 19 แค่ 1 เดือนเท่านั้น และก็ยังทำ New High ต่อเนื่อง อย่างในปี 2021 นี้ก็ +20% จากต้นปีอีกด้วย
ซึ่งต่างไปจากวิกฤติซับไพรม์ปี 2007 ที่ต้องใช้ระยะเวลาฟื้นตัวกว่า 18 เดือน แต่เมื่อฟื้นตัวกลับมาได้ ก็ไปต่อได้ดีเช่นกัน
ดังนั้น จุดที่น่าสนใจของตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกา เมื่อสังเกตจาก 2 วิกฤติที่ผ่านมาก็คือ เมื่อสหรัฐอเมริกาประสบภาวะวิกฤติทางเศรษฐกิจแล้ว มักจะกลับมาฟื้นตัวได้เร็ว และก็ดีกว่าเดิมเสมอ
3. แล้วจุดขับเคลื่อนสำคัญ ที่ทำให้เศรษฐกิจสหรัฐอเมริกาฟื้นตัวได้เร็ว คืออะไร ?
ปัจจัยที่ 1 คือ อำนาจทางเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกา ผ่าน 2 เครื่องมือสำคัญ นั่นคือ
- นโยบายทางการเงิน ที่จะช่วยให้ตลาดการเงินของสหรัฐอเมริกายังคงดำเนินต่อไปได้ โดยการซื้อสินทรัพย์ต่าง ๆ ในตลาด เพื่อพยุงราคาไม่ให้ถูกเทขาย
เช่น พันธบัตรรัฐบาล, Mortgage-Backed Securities (ตราสารทางการเงินที่มัดรวมสินเชื่อบ้านเข้าด้วยกัน โดยมีสถาบันการเงินเป็นคนกลางจับคู่ระหว่างผู้กู้ยืมและนักลงทุน), หุ้นกู้ในกลุ่ม Fallen Angels ที่ถูกปรับลดระดับเครดิตต่ำกว่า BBB (Non-Investment Grade)
- นโยบายการคลัง ที่จะช่วยเข้ามากระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกา
เช่น การอัดฉีดเงินกว่า 2 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐไปให้ชาวอเมริกันที่ได้รับผลกระทบจากการว่างงาน
เนื่องจากโครงสร้าง GDP สหรัฐอเมริกามาจากภาคการบริโภค 70%
ดังนั้น หากชาวอเมริกันกลับมาบริโภคได้ การฟื้นตัวของเศรษฐกิจก็จะกลับคืนมาด้วย
แต่ก็ต้องยอมรับว่า ทั้ง 2 นโยบายที่ว่านี้ คงจะมีแต่สหรัฐอเมริกาเท่านั้น ที่สามารถทำได้
หากเป็นประเทศอื่น ๆ เราคงเห็นปัญหาตามมาอีกมากมาย เช่น ประเทศไทยที่มีสัดส่วนการบริโภคแค่ 1 ใน 4 ถ้าหากเราอัดฉีดเม็ดเงินเช่นนั้นก็จะเกิดปัญหาค่าเงินบาทอ่อนหรือปัญหาเงินเฟ้อปรับตัวขึ้นแรง เป็นผลมาจากการอัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจที่มากเกินไป
โดยเหตุผลที่สหรัฐอเมริกาสามารถทำเช่นนี้ได้ เพราะความเป็นผู้นำทางเศรษฐกิจโลกครองสัดส่วน 1 ใน 4 ของมูลค่า GDP โลก และเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐ ก็ยังเป็นเงินสกุลหลักของการค้าระหว่างประเทศ
ปัจจัยที่ 2 คือ โครงสร้างธุรกิจที่แข็งแกร่งและหลากหลาย ส่งผลให้ภาพรวมฟื้นตัวได้เร็วขึ้น
หากสังเกตดัชนี S&P 500 จะพบว่า Market Cap. ของกลุ่มเทคโนโลยี 27% สูงเป็นอันดับที่ 1 ถัดมาจะเป็นกลุ่ม Health Care 13% และกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือย 12% ล้วนเป็นกลุ่มธุรกิจที่มีแนวโน้มเติบโต
ที่น่าสนใจคือ เทคโนโลยีของสหรัฐอเมริกา เข้ามามีบทบาทในชีวิตของเราขึ้นเรื่อย ๆ เสมือนเป็นปัจจัยที่ 5 ของชีวิตคนเรา และหลากหลายกลุ่มเทคโนโลยีอนาคตอย่าง Innovation, FinTech, Digital Advertising ยังมีส่วนสนับสนุนการเติบโตของเศรษฐกิจ การจ้างงาน และการแข่งขันในอนาคตอีกด้วย
นอกจากนี้ วิกฤติโควิด 19 ยังเป็นปัจจัยผลักดันการเติบโตของสินค้าเทคโนโลยี และพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป เช่น การช็อปปิงออนไลน์, การดูวิดีโอสตรีมมิงแทนการเข้าโรงภาพยนตร์
ขณะที่ภาคธุรกิจเอง ก็หันมาให้ความสนใจ Digital Advertising มากกว่าป้ายบิลบอร์ดเดิม ๆ ส่งผลให้ลดต้นทุน, ลดขั้นตอน Supply Chain ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
ทั้งหมดนี้ จึงทำให้เชื่อว่า หุ้นเทคโนโลยีสหรัฐอเมริกาจะยังเติบโตตามผลประกอบการต่อไปได้
4. หลังจากการฟื้นตัว ก้าวต่อไปคือการเข้าสู่ Mid Cycle ?
เมื่ออัตราการว่างงานลดลง ซึ่งคาดว่า 8-10 เดือนข้างหน้า ก็จะสามารถกลับเข้าสู่ระดับปกติก่อนเกิดวิกฤติโควิด 19 ได้ ขณะเดียวกัน Fed ก็เริ่มส่งสัญญาณถอนคันเร่งมาตรการกระตุ้น ด้านสวัสดิการว่างงานก็เริ่มลดลง สะท้อนได้ว่า สหรัฐอเมริกากำลังเข้าสู่ช่วง Mid Cycle
ดังนั้น เราน่าจะไม่ได้เห็นสภาพคล่องท่วมตลาดเหมือนอย่างเคยอีกต่อไป
กลยุทธ์การลงทุนในช่วง Mid Cycle จึงต้องเลือกลงทุนหุ้น Growth เช่น หุ้นเทคโนโลยี
หรือลงทุนหุ้นที่จะได้รับผลประโยชน์จากนโยบายภาครัฐ ในโครงการที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน กำลังผลักดันอยู่ในขณะนี้ เช่น
- American Rescue Plan วงเงิน 1.9 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อเป็นสวัสดิการชดเชยการว่างงาน
- Infrastructure Bill วงเงิน 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานประเทศ
- American Families Plan วงเงิน 1.8 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานมนุษย์
- American Jobs Plan วงเงิน 2.3 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ สนับสนุนโครงสร้างพื้นฐาน, Health Care, อุตสาหกรรม EV, พลังงานสะอาด
- U.S. Innovation and Competition Act วงเงิน 2.5 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อส่งเสริมการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อแข่งขันกับจีน
หากโครงการเหล่านี้ได้รับการอนุมัติทั้งหมด จะกลายเป็นเม็ดเงินพัฒนาเศรษฐกิจที่เยอะที่สุดในประวัติศาสตร์ของสหรัฐอเมริกา ที่จะช่วยพัฒนาประเทศระยะยาว 5-10 ปี เลยทีเดียว
5. ตอนนี้ Master Fund ระดับโลก มองการลงทุนหุ้นสหรัฐอเมริกาอย่างไร ?
หลังจากที่กองทุนบัวหลวงได้พูดคุยกับผู้จัดการกองทุน J.P. Morgan หนึ่งใน Master Fund ระดับโลก
พบว่า หากเป็นการลงทุนระยะกลาง J.P. Morgan กำลังพุ่งเป้าไปที่กลุ่มธุรกิจที่จะได้ประโยชน์จากการเปิดเศรษฐกิจหลังจากผ่านวิกฤติโควิด 19 เช่น
- กลุ่มธุรกิจ Reopening ที่เชื่อว่าจะกลับมาฟื้นตัว และได้รับประโยชน์จากความต้องการซื้อที่อัดอั้นมาจากวิกฤติโควิด 19 เช่น การจองโรงแรม, การเช่ารถ, ร้านอาหาร
- กลุ่ม Health Care ทั้งในแง่ของการรับมือกับโควิด 19, การพัฒนาวัคซีน, การวิจัยเชื้อกลายพันธุ์ และพฤติกรรมพร้อมจ่ายของคนเราเพื่อให้ร่างกายแข็งแรง จึงมองว่ากลุ่มยา และกลุ่ม Biotech ยังเติบโตได้ดี
- กลุ่มพลังงานสะอาด จากการผลักดันนโยบาย EU Green Deal ขณะที่ต้นทุนของพลังงานลม และพลังงานโซลาร์เซลล์ ที่ถูกลงมากเมื่อเทียบกับพลังงานดั้งเดิม รวมทั้งกลุ่มยานยนต์ไฟฟ้าและอุปกรณ์กักเก็บพลังงานก็น่าสนใจ
ขณะเดียวกัน หากเป็นการลงทุนระยะยาว J.P. Morgan กำลังจับตากลุ่มธุรกิจที่สอดรับกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกาในระยะ 5-10 ปีข้างหน้า
ซึ่งนอกจาก 3 กลุ่มข้างต้นแล้ว ก็ยังมีกลุ่มเครื่องจักรอัตโนมัติ หรือกลุ่ม Smart ต่าง ๆ เช่น Smart Home, Smart TV ที่กำลังเติบโตตามโลกอนาคต อีกด้วย
6. กลยุทธ์การลงทุนหุ้น Growth ในช่วงเวลานี้ ?
กลยุทธ์การวิเคราะห์ลงทุนหุ้น Growth ของ J.P. Morgan จะออกเป็น 2 รูปแบบ นั่นคือ
- รูปแบบ Bottom Up คือการวิเคราะห์หุ้นรายตัวเป็นหลัก
- รูปแบบ Micro Focus คือการวิเคราะห์ลงรายละเอียดเล็ก ๆ เพราะเชื่อว่าจุดเล็ก ๆ จะนำไปสู่ความแตกต่างจากบริษัทอื่นอย่างมีนัยสำคัญได้ เช่น Facebook ที่กำลังได้รับประโยชน์จากโฆษณาออนไลน์อย่างต่อเนื่อง
เป้าหมายคือ การค้นหาหุ้นสหรัฐอเมริกาที่กำลังเติบโตมากกว่าที่ตลาดคาดการณ์ ภายใต้ 3 ลักษณะสำคัญคือ
- ธุรกิจที่มีผลต่อการบริโภค หรือการใช้ชีวิตที่เปลี่ยนแปลงไป
- ธุรกิจที่มีความสามารถในการแข่งขันในระยะยาว มีกำไรที่แข็งแกร่ง
- ธุรกิจที่มีการเคลื่อนไหวของราคาหุ้น (Momentum) ทิศทางเชิงบวก ดังนั้นต้องรู้จักทำใจให้นิ่งเพื่อรอจังหวะ Momentum ที่ดีได้
อีกหนึ่งกลยุทธ์การลงทุนที่สำคัญก็คือ การปรับพอร์ตลงทุนอยู่เสมอ โดยจะลดน้ำหนักหุ้นที่มีราคาปรับตัวขึ้นมานานหลายปี และตลาดรับรู้ข่าวทั้งหมดแล้ว
เช่น กลุ่มเทคโนโลยีชั้นนำอย่าง Microsoft, Apple ถูกลดสัดส่วนตั้งแต่ปีที่แล้ว เพื่อนำเงินไปลงทุนหุ้นที่จะเป็น “Big Winner” ตัวต่อไป แต่ก็ไม่ได้ขายหมดทั้งพอร์ต เพราะยังมองว่าเป็นธุรกิจที่ดีระยะยาว
นอกจากนี้ ด้วยความเป็นกองทุนแบบ Active ของ J.P. Morgan ยังมองเห็น 2 กลุ่มธุรกิจที่น่าสนใจคือ
- กลุ่มการเงิน โดยจะลงทุนทั้งสถาบันการเงินขนาดใหญ่ที่ได้ประโยชน์จากแนวโน้มดอกเบี้ยขาขึ้น และกลุ่ม Online Payment
- กลุ่มเทคโนโลยี 5G และ EV โดยที่มองลงลึกไปถึง “ทองแดง” ซึ่งเป็นวัตถุดิบหลักของกลุ่มเทคโนโลยี จึงเข้าไปลงทุนบริษัท Freeport-McMoRan หนึ่งในธุรกิจเหมืองแร่ทองแดงที่ใหญ่ที่สุดในโลก
7. ตัวอย่างธุรกิจที่เข้าข่ายหุ้น Growth ที่น่าสนใจ ?
ธุรกิจในกลุ่ม Digital Advertising เช่น Snap Inc. เจ้าของแอปพลิเคชัน Snapchat ที่มียอดผู้ใช้งานเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว
นอกจากนี้ยังมีการขยายฐานผู้ใช้งานไปยังประเทศอินเดีย ทำให้มีโอกาสเติบโตในเรื่องของเม็ดเงินโฆษณาได้อีกมาก ซึ่ง 2 ปีที่ผ่านมา รายได้ของ Snapchat ก็เติบโตเฉลี่ยปีละ 46%
ธุรกิจในกลุ่มต่อมาก็คือ Online Payment เช่น PayPal ที่ได้ประโยชน์จากการใช้ชีวิตในยุค New Normal และตอบโจทย์ในการชำระเงินยุคใหม่
ซึ่งจากผลการดำเนินงานในไตรมาสล่าสุด PayPal มีจำนวนบัญชี Active User เติบโต 16% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ในขณะที่จำนวนธุรกรรมเติบโต 40% จากปีก่อนหน้า
ธุรกิจในกลุ่มสุดท้ายก็คือ ธุรกิจนอกกลุ่มเทคโนโลยี เช่น John Deere ผู้ผลิตและจำหน่ายรถแทรกเตอร์ อุปกรณ์การเกษตรที่นำเทคโนโลยีมาใช้กับการเกษตร ตอบโจทย์การเกษตรสมัยใหม่และเทรนด์ความยั่งยืน
หากสหรัฐอเมริกามีการเก็บภาษีจากการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ก็จะเป็นประโยชน์โดยตรงกับ John Deere
ซึ่งหุ้น 3 ตัวนี้ ก็เป็นหุ้นที่ J.P. Morgan ลงทุนเป็น Top Holding อีกด้วย
8. ตอนนี้หุ้น Growth แพงไปหรือยัง ?
ในมุมมองของกองทุนบัวหลวง คิดว่าหุ้น Growth ยังไม่แพงเกินไป ถึงแม้ว่าจะผ่านช่วงสูงสุดไปแล้ว แต่ก็ยังมีโอกาสเติบโตได้อยู่
โดยหากมาดูในส่วนของค่ากลางของ P/E Ratio S&P 500 พบว่า อยู่ที่ 20 เท่า สะท้อนให้เห็นว่า ยังมีโอกาสที่เรายังสามารถหาหุ้นที่มีแนวโน้มเติบโตในราคาที่สมเหตุสมผลได้อยู่
และที่ผ่านมาดัชนี S&P 500 ก็เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่ P/E ทยอยปรับลดลง ซึ่งมีสาเหตุมาจากกำไรของบริษัทเติบโตอย่างรวดเร็ว
โดยในปี 2021 มีการคาดการณ์ว่ากำไรของบริษัทใน S&P 500 จะโต 60% ในขณะที่ในปี 2022 S&P มีการคาดการณ์ว่ากำไรจะโตต่ออีก 15% จากปี 2021
จากตรงนี้ก็จะเห็นได้ว่า ยังมีอีกหลายธุรกิจที่ผลการดำเนินงานยังมีแนวโน้มที่จะเติบโตได้อยู่
9. ผลตอบแทนการลงทุน ด้วยกลยุทธ์แบบ J.P. Morgan เป็นอย่างไร ?
จากกลยุทธ์ Active Management ที่เน้น Micro Focus ทำให้กองทุน JPM US Growth ที่มีนโยบายลงทุนในหุ้นสหรัฐอเมริกา มีผลการดำเนินงานที่ค่อนข้างดีมาอย่างต่อเนื่อง
หากเรามาดูผลการดำเนินงานของกองทุน JPM US Growth จะพบว่า ถ้าดูย้อนหลังไป 3 ปี เฉลี่ยต่อปีแล้ว ผลตอบแทนจะเท่ากับ 27% สูงกว่าเมื่อเทียบกับ Benchmark ที่เป็น Russell 1000 ที่เน้นเฉพาะหุ้นเติบโต ซึ่งถ้าย้อนหลัง 5 ปี ผลการดำเนินงานก็ดีกว่าเช่นกัน
เมื่อมาดูการจัดอันดับของ Morningstar พบว่ากองทุน JPM US Growth อยู่ใน First Quartile คือเป็นหนึ่งในกองทุนที่ทำผลการดำเนินงานได้ดีอยู่ในเกณฑ์ดีที่สุดในกลุ่มอีกด้วย
หากมาดูด้าน Valuation ของกองทุน JPM US Growth จะเห็นว่า กองทุนนี้มี P/E Ratio ที่ต่ำกว่า Benchmark แต่มีอัตราการเติบโตของกำไร (%EPS Growth) สูงกว่า Benchmark และ S&P 500
10. เราจะลงทุนหุ้นสหรัฐอเมริกาในรูปแบบกองทุน ได้อย่างไร ?
กองทุน B-USALPHA เป็นกองทุน Feeder Fund ที่ลงทุนในกองทุนหลัก คือ JP Morgan US Growth Fund ไม่ต่ำกว่า 80%
ซึ่ง JP Morgan US Growth Fund เป็นกองทุนแนว Active Management เน้นลงทุนในหุ้นที่เติบโตสูงกว่าที่ตลาดมองไว้
และในส่วนที่เหลือผู้จัดการกองทุนของบัวหลวง ก็อาจลงทุนในหุ้นสหรัฐอเมริกาที่น่าสนใจเป็นรายตัว
ซึ่งน่าจะให้ผลตอบแทนที่ดีระยะยาวได้ เหมือนที่ทำกับ B-FUTURE และ B-CHINE-EQ
กองทุนนี้ ยังมีนโยบายการจ่ายเงินปันผล เพราะปัจจุบันอยู่ในภาวะอัตราดอกเบี้ยต่ำ
ผู้ลงทุนส่วนใหญ่จึงหันมาหาสินทรัพย์เสี่ยง หรือหุ้น กันมากขึ้น การจ่ายเงินปันผลจะช่วยให้ผู้ลงทุนมีเงินระหว่างทาง ไม่ต้องคอยดูจังหวะการขายทำกำไร และสามารถลงทุนได้นานขึ้น
11. สุดท้ายแล้ว แนวทางของกองทุน B-USALPHA จะช่วยบริหารพอร์ตการลงทุนภาพรวมของคุณได้อย่างไร ?
ในมุมมองการจัดพอร์ตลงทุน การกระจายสินทรัพย์เสี่ยงเป็นสิ่งที่สำคัญมาก
ในมุมมองของกองทุนบัวหลวงคือ การจัดพอร์ตให้เหมาะสมกับระดับความเสี่ยง ทั้งในส่วนสินทรัพย์เสี่ยงต่ำและเสี่ยงสูง
ในส่วนสินทรัพย์เสี่ยงสูงที่เป็นหุ้นทั่วโลก ส่วนใหญ่จะแบ่งเป็น 2 ส่วนคือ การเอามาเป็นแกนหลักของพอร์ต (Core Port) กับเอาเป็นตัวเร่งในแต่ละธีม (Thematic) โดยส่วนที่เป็นแกนหลัก ควรที่จะให้มีการกระจายหลายประเทศ และหลายกลุ่มอุตสาหกรรม
แล้วควรลงทุนในหุ้นสหรัฐอเมริกาเท่าไร ? หากอ้างอิงจาก MSCI Index มีสัดส่วนบริษัทในสหรัฐอเมริกา กว่า 58% อย่างไรก็ตามก็ขึ้นอยู่กับความชอบ ความเสี่ยงที่รับได้ และความเข้าใจของแต่ละคนด้วย
เนื่องจากสหรัฐอเมริกาเป็นตลาดใหญ่ที่พัฒนาแล้ว มีผลการดำเนินงานดีที่สุดใน 10 ปีที่ผ่านมา คือปีละ 14% และมีความผันผวนต่ำ เมื่อเทียบกับประเทศอื่น ๆ
สรุปได้ว่า การลงทุนหุ้นสหรัฐอเมริกา ถือว่าเป็นของต้องมีในพอร์ต และกลยุทธ์การลงทุนแบบ Active ในหุ้นเติบโต ย่อมมีแนวโน้มให้ผลตอบแทนที่ดีด้วย นั่นเอง..
กลุ่ม ร้านอาหาร facebook 在 หนมจีน•ณ•ภูเก็ต สาขาสุราษฏร์ธานี Facebook 的最佳貼文
ภูเก็ต 1 ในจังหวัดพื้นที่ควบคุมสูงสุด ไม่ล็อกดาวน์ ไม่เคอร์ฟิว แต่ยกระดับมาตรการเข้ม เช่น ร้านอาหาร-ห้างปิดเวลา 21.00 น.
.
วันนี้ (16 เมษายน) นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 หรือ ศบค. แถลงข่าวผ่านโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย ระบุว่าจากการประชุมของ ศบค. ชุดใหญ่ โดยยืนยันมติของที่ประชุมว่า ขณะนี้จะยังไม่มีการประกาศเคอร์ฟิว และไม่มีการล็อกดาวน์ แต่มีการปรับระดับของพื้นที่ควบคุมเป็น 2 ระดับ แบ่งเป็น พื้นที่ควบคุมสูงสุด 18 จังหวัด ซึ่ง จ. ภูเก็ต เป็นหนึ่งใน 18 จังหวัด ควบคุมสูงสุด
โดยได้กำหนดมาตรการสำหรับพื้นที่ควบคุมสูงสุด ดังนี้
- ให้บริโภคอาหารและเครื่องดื่มในร้านได้ไม่เกินเวลา 21.00 น.
- ห้ามการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ภายในร้านอาหาร
- ห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้า ฯลฯ ให้เปิดไม่เกินเวลา 21.00 น. โดยจำกัดจำนวนผู้ใช้บริการ
- ร้านสะดวกซื้อ ซูเปอร์มาเก็ต ตลาดโต้รุ่ง ถนนคนเดิน ให้ปิดในเวลา 23.00-04.00 น.
- สนามกีฬา เปิดได้ไม่เกินเวลา 21.00 น.
.
ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 18 เมษายนเป็นต้นไป
-----------------------------------------------------------------
อัพเดทติดตาม ทุกเรื่องราว ข่าวสารภูเก็ต
Facebook : Phuket OK
Website : www.phuketoknews.com
Twitter : phuket_ok
กลุ่ม Facebook "จังหวัดภูเก็ต" https://www.facebook.com/groups/270312734151151/?ref=share
#PhuketOK #phuketok #phuketgreattime #phuket #ภูเก็ตโอเค #NewNormal #ข่าวภูเก็ต #รีวิว #รีวิวภูเก็ต #เที่ยวภูเก็ต #ของกินภูเก็ต #อาหารภูเก็ต #ภูเก็ต #หนมจีนณภูเก็ต
กลุ่ม ร้านอาหาร facebook 在 Motobigbike Thailand Youtube 的最佳貼文
#ปาเฮ่าเถียนมี่ #เยาวราช
ขี่ XMax หาของกินเยาวราช...เจอ FC ในร้านปา เฮ่า เถียน มี่!!
Facebook พี่หริ ► https://www.facebook.com/sirichai.rhi
Instagram ► https://www.instagram.com/motobigbike.thailand/
Twitter ► https://twitter.com/sirichai_rhi
Website ► http://www.motobigbike.com/
ร้านค้า MTB ► https://www.wegetdeal.com
ร้านค้า Line ID ► @wegetdeal
ติดต่องาน: 082-777-0400
Facebook กลุ่ม MTB ► https://www.facebook.com/groups/motobigbikethailand/
Facebook กลุ่ม FC MTB ► https://www.facebook.com/groups/345385269242133/
กลุ่ม ร้านอาหาร facebook 在 AR Channel Youtube 的精選貼文
【Review】 รีวิวร้านอาหาร - ร้านอัยริน สเต็ก คลาสสิค
ร้านอัยริน สเต็ก คลาสสิค เป็นร้านอาหารนั่งกินเล่นชิลล์ๆ ไม่ว่าจะเป็น สเต็ก เบอร์เกอร์ สลัด หรือเครื่องดื่มต่างๆอีกมากมาย
วันเวลาเปิดทำการ : เปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลา 11.30-21.30 น.
Facebook page : https://goo.gl/VLzX2P
Google maps : https://goo.gl/7cQutk
เบอร์โทร : 0813685010
ที่อยู่ : 2/32 หมู่ 10 ถนน รามโกมุท บานา เมือง ปัตตานี 94000
----------------------------------------------------------------------------------
วีดีโอนี้เป็นส่วนหนึ่งของรายวิชา 421-442 E-Commerce
จัดทำโดย กลุ่ม : อะไรก็ได้
สาขาวิชาการจัดการสารสนเทศ
มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี
-------------------------------------
ติดต่อ
FB : มูฮัมมะอัสรี มูฮัมหมัดฮูเซ็น
https://www.facebook.com/asree.alone
ID Line : asreegraphic
IG : asree_ar
กลุ่ม ร้านอาหาร facebook 在 กลุ่ม ตามรอยตำนานร้านดัง 的美食出口停車場
FB : ร้านถูกปาก อาหารจานเดียว พิกัด เลขที่ 66/7 ซอย เทอดไท 33 ถนน ริมทางรถไฟ แขวงตลาดพูล เขตธนบุรี กรุงเทพ 10600. Map: https://g.co/kgs/m769fF ⏰เปิด จันทร์ ... ... <看更多>
กลุ่ม ร้านอาหาร facebook 在 หากลุ่มขายของกินใน facebook 的美食出口停車場
รวม รายชื่อเว็บโฆษณาโพสขายของฟรีครับ อาจจะคิดว่าเป็นประโยชน์บ้างไม่มากก็น้อย ใครมีข้อมูลเว็บอื่นๆแชร์ได้เลยนะครับ. takeit. จะไปหาร้านค้าขายอาหาร ของใช้มาลงบูธได้ที่ไหนครับ. บะหมี่สี ... ... <看更多>
กลุ่ม ร้านอาหาร facebook 在 กลุ่ม ตามรอยตำนานร้านดัง 的美食出口停車場
โพสร้านอาหารชื่อดังระดับตำนานหรือร้านลึกลับฝีมือเยี่ยมข องแต่ละถิ่นฐานที่อยู่ ซึ่งหลายท่านต่างทรงภูมิความรู้ลึกซึ้งด้านอาหาร ข้อมูลอันเป็นประโยชน์จะได้กระจายกว้างถึงผู้สนใจบริโภค ... ... <看更多>